บึงขุนทะเลเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณน่าจะได้ลองไปสักครั้ง ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนทะเล ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปทางถนนสายสุราษฎร์ธานี -พุนพิน ประมาณ 5 กม. สามารถนั่งรถโดยสารสายบ้านดอน-โรงเรียนตำรวจภูธร 8 ไปถึงบริเวณบึงได้ บึงขุนทะเลเป็นแหล่ง น้ำสำ
บึงขุนทะเล ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนทะเล ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปทางถนนสายสุราษฎร์ธานี -พุนพิน ประมาณ 5 กม. สามารถนั่งรถโดยสารสายบ้านดอน-โรงเรียนตำรวจภูธร 8 ไปถึงบริเวณบึงได้ บึงขุนทะเลเป็นแหล่ง น้ำสำคัญใช้ในการกสิกรรมนอกจากนี้ยังมีทิว ทัศน์ที่สวยงาม ตามธรรมชาติ มีศาลาสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ และมีร้านอาหาร บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย
บึงขุนทะเล เป็นแหล่งน้ำจืดที่คล้ายทะเลสาปขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีเนื้อที่ประมาณ 1,270ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบลของอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี คือ ตำบลมะขามเตี้ย ตำบลขุนทะเล และตำบลวัดประดู่ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 7 กิโลเมตร บึงขุนทะเลจัดเป็นระบบนิเวศแบบระบบเปิด(open system) รับน้ำจากคลองสาขาที่อยู่ทางด้านทิศใต้ ได้แก่ คลองชะไก่ คลองท่าแร่ คลองท่ากรวดและคลองบ้านใหม่ ส่วนทางระบายน้ำออกจากบึงมีคลอง 2 คลอง คือ คลองมะขามเตี้ยและคลองท่ากูบไหลลงสู่แม่น้ำตาปีทางด้านทิศเหนือของบึง ระบบน้ำบึงขุนทะเลได้รับอิทธิพลของน้ำทะเลที่ขึ้นลงและรุกล้ำเข้ามาถึงในเขตบึง โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้งเป็นครั้งคราว ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนถ่ายเทมวลสารระหว่างกันขึ้นอีกลักษณะหนึ่ง
บึงขุนทะเล มีความสำคัญทั้งในเชิงนิเวศวิทยาและสภาวะเศรษฐกิจสังคมของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นที่อยู่อาศัยของนกน้ำชนิดที่สำคัญ เช่น นกเป็ดน้ำ นกชันและนกชนิดอื่นๆ อีกเป็นจำนวน มากเป็นแหล่งที่มีปลาน้ำจืดชุกชุม มีทัศนียภาพที่สวยงาม ประชาชนที่อยู่อาศัยอยู่โดยรอบใช้น้ำจากบึง และคลองสาขาเพื่อการเพาะปลูก อุปโภค และเลี้ยงสัตว์ ตลอดจนประกอบอาชีพด้วยการจับหาสัตว์น้ำเป็น รายได้ความเชื่อมโยงของระบบนิเวศบึงขุนทะเลกับระบบอื่นทำให้มีโอกาสสูงที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในองค์ประกอบต่างๆ ของบึง เช่น สภาพตื้นเขินจากตะกอนดินที่น้ำพัดพาเข้ามาสู่บึง การตายทับถมของ พืชสัตว์ในบึง การถ่ายเทของเสียลงสู่บึง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของน้ำในบึงอันเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญ ที่สุดของระบบนิเวศนี้ จนอาจก่อความเสียหายย้อนกลับ (adverse effect) ต่อการดำรงชีพของประชาชน ที่เกี่ยวข้องในที่สุด
ปัจจุบันบึงขุนทะเลมีแนวโน้มที่จะตื้นเขิน แปรสภาพไป สืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาด ของวัชพืชน้ำ เช่น ผักตบชวา ต้นกง สาหร่าย เป็นต้น พืชเหล่านี้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วปละปกคลุม พื้นที่ผิวน้ำส่วนใหญ่ของบึง รวมทั้งขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นตามขอบบึง