เทศกาลกินเจ กำหนดจัดในวันขึ้น 1-9 ค่ำ เดือน 9 ของจีน จะอยู่ในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมของทุกปี ระหว่างถือศีลกินเจ ชาวบ้านจะไปรับอาหารจากศาลเจ้า มีขบวนแห่พระออกเผยแผ่เมตตาแก่ชาวบ้านตามถนนสายต่างๆ
เทศกาลกินเจ กำหนดจัดในวันขึ้น 1-9 ค่ำ เดือน 9 ของจีน จะอยู่ในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมของทุกปี ระหว่างถือศีลกินเจ ชาวบ้านจะไปรับอาหารจากศาลเจ้า มีขบวนแห่พระออกเผยแผ่เมตตาแก่ชาวบ้านตามถนนสายต่างๆ โดยชาวบ้านจะจุดประทัดเสียงดังสนั่น ความสำคัญ คนภูเก็ตส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ประเพณีและความเชื่อของคนจีนจึงฝั่งรากลึก และยึดถือปฏิบัติสืบทอดอยู่จนปัจจุบัน เมื่อถึงเทศกาลกินผัก ชาวภูเก็ตร้อยละแปดสิบจะปฏิบัติตามประเพณีนิยม พร้อมใจกันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาว ร่วมกันถือศีลกินผัก เพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ และระลึกถึงวิญญาณของบรรพบุรุษที่ตนเคารพนับถือ โดยยึดถือวิญญาณนั้น ๆ เป็นเสมือนเจ้าหรือเซียน ให้ช่วยปกป้องคุ้มครอง กิจกรรมประตลอดเทศกาลมีดังนี้
1. การถือศีล การปฏิบัติจะเริ่มในแรม 1 ค่ำเดือน 9 ผู้ที่ถือศีลกินผักจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาว ละเว้นจากสิ่งที่ทำให้จิตใจมัวหมอง รักษากายวาจาใจให้บริสุทธิ์เว้นจากการพูดโกหกเบียดเบียนลักทรัพย์และการข้องแวะในกามการดื่มสุราของมึนเมาและเว้นจากการฆ่าสัตว์
2. พิธีบูชาเจ้า ประเพณีถือศีลกินผัก เริ่มด้วยการจุดตะเกียงน้ำมัน ขึ้นสู่เสาใหญ่สีแดง ที่ตั้งสูงตระหง่านที่หน้าอ้าม (ศาลเจ้า) เรียกว่า เสาโกเต๊งซึ่งจะยกเสาในตอนเย็นก่อนเริ่มงานหนึ่งวันเสาโกเต๊งเป็นเครื่องหมายสำคัญที่อัญเชิญดวงวิญญาณของเจ้ามาประทับบนยอดเสาจะแขวนตะเกียงไว้ 9 ดวง หมายถึง วิญญาณของกิ๋วอ๋องไตเต (ผู้เป็นใหญ่ทั้งเก้า) วันรุ่นขึ้นซึ่งเป็นวันงานจะมีการบูชาเจ้าด้วยการจุดธูปขนาดใหญ่ เผาไม้หอม กระดาษเงินกระดาษทอง ตั้งเครื่องเซ่นบูชาเจ้า
3. การอัญเชิญเจ้าเข้าทรง จะทำที่อ้ามทุกวันโดยเฉพาะวันสำคัญคือวัน 3 ค่ำ 6 ค่ำ และ 9 ค่ำ โดยมีม้าทรง (คนทรง) และพี่เลี้ยง 2-3 คนเป็นผู้ช่วย คอยกล่าวบทอัญเชิญ ตีล่อโก๊ะ ตีกลอง จุดธูป เผาไม้หอม เซ่นไหว้ด้วยผลไม้ เมื่อเจ้าประทับทรงแล้ว ม้าทรงจะหยิบธงหรืออาวุธคู่มือของเจ้าได้ถูกต้อง พี่เลี้ยงจะคอย เอาเสื้อยันต์ประจำตัวของเจ้ามาผูกใส่ให้ เจ้าจะคว้าอาวุธคู่มือมาร่ายรำฟาดฟันร่างกายตนเอง
4. พิธีโขกุ้น เป็นการบวงสรวงทหารของเจ้าซึ่งเป็นบริเวณของเจ้าแต่ละองค์จะทำพิธีใน3ค่ำ6ค่ำและ9ค่ำหลังเที่ยงจะเตรียมอาหารและเหล้าส่วนหญ้าและถั่วจะเป็นอาหารม้า ในตอนกลางคืนจะตรวจพลทหารตามทิศต่าง ๆ 5 ทิศ
5. พิธีซ้องเก็ง คือการสวดมนต์เริ่มสวดตั้งแต่กิ๋วอ๋องฮุดโจ้วเข้าประทับในโรงพระจะทำพิธีสวดวันละ2ครั้งในตอนเช้าและตอนย่ำค่ำหลังจากสวดมนต์กลางคืนแล้วจะมีการอ่านรายชื่อผู้ที่เข้าร่วมกินผัก เป็นการเบิกตัวเข้าเฝ้าเจ้า
6. พิธีบูชาดาว ทำในคืน 7 ค่ำ เพื่อให้ช่วยคุ้มครองผู้ที่กินผัก ในพิธีจะมีการทำฮู้ (กระดาษยันต์) แจก
7. พิธีพระออกเที่ยว (การแห่เจ้า) โดยเจ้าจะออกเยี่ยมประชาชนตามบ้าน มีขบวนธงและป้ายชื่อแห่นำหน้ามีขบวนหามเกี้ยวพระโดยมีรูปเจ้าแต่ละองค์นั่งในเกี้ยวไปตามลำดับชั้นและยศของเจ้า ขบวนเกี้ยวใหญ่ใช้คนหาบ 8 คน จะเป็นที่ประทับของกิ๋วอ๋องฮุดโจ้ว ชาวบ้านจะตั้งโต๊ะบูชาหน้าบ้านและจุดประทัดต้อนรับเมื่อขบวนไปถึง
8. พิธีลุยไฟ กองไฟถือว่าศักดิ์สิทธิ์ ใช้ชำระความสกปรกของร่างกายให้บริสุทธิ์ ในแง่ความศักดิ์สิทธิ์เป็นการแสดงอิทธิฤทธิ์บังคับไฟไม่ให้ร้อน ลุยได้ทั้งเจ้าและประชาชนทั่วไป
9. พิธีโก๊ยห่าน เป็นการสะเดาะเคราะห์ ต้องตัดกระดาษทองเป็นรูปคนแทนตัวเองคนละรูป ตัดผม ตัดเล็บ เหรียญกษาปณ์ ต้นกุ้ยช่ายแทนสิ่งชั่วร้ายในตัวคนนำสิ่งเหล่านี้มาที่ศาลเจ้าแล้วให้เจ้าประทับตราที่ด้านหลังเสื้อ ผู้ที่ผ่านพิธีโก๊ยห่านมาแล้วจะมีตราประทับติดเสื้อด้านหลังทุกคน
10. พิธีส่งพระ ทำในวันสุดท้ายของการกินผัก โดยตอนกลางวันจะมีการส่งเทวดา คือเง็กเซียนฮ่องเต้ที่เสาธง ตอนกลางคืนจะมีการส่งพระกิ๋วอ๋องฮุดโจ้วกลับสวรรค์ โดยส่งกลับทางทะเล เมื่อขบวนส่งพระออกพ้นประตู ไฟทุกดวงในอ้ามต้องดับแล้วปิดประตูใหญ่ ตะเกียงที่เสาธงถูกดึงขึ้นสูงสุด รุ่งเช้าจึงเอาเสาธงลงและเรียกกำลังทหารกลับ